ขนมจีนกับเชื้อก่อโรคซาลโมเนลลา
ขนมจีน อาหารที่ชาวเหนือเรียกว่าขนมเส้นหรือข้าวเส้น และชาวอีสานของไทยเรียกว่าข้าวปุ้น เดิมเป็นอาหารของชาวมอญ แล้วแพร่หลายไปสู่ชนชาติอื่นๆ ในสุวรรณภูมิตั้งแต่สมัยโบราณจนปัจจุบันเป็นอาหารมีความนิยมสูง และหาทานได้ทั่วไปในประเทศไทยพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่มักใช้มือหยิบจับเส้นขนมจีนในขณะขายให้ลูกค้า รวมทั้งน้ำยา และแกงชนิดต่างๆ ที่ทานกับขนมจีนนั้นส่วนใหญ่ทำจากเนื้อปลาและเนื้อไก่ หากผู้ขายไม่รักษาความสะอาดของมือ ภาชนะที่ใช้ และไม่รักษาสุขลักษณะบริเวณภายในร้านให้ดีเพียงพอ รวมทั้งไม่อุ่นน้ำยาและน้ำแกงให้ร้อนก่อนเสิร์ฟให้แก่ลูกค้าแล้ว
ขนมจีนนั้นก็อาจมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้รับเชิญ คือ เชื้อก่อโรคซาลโมเนลลาปนเปื้อนได้
ซาลโมเนลลา เป็นเชื้อที่ปกติพบในของเสียจากการขับถ่ายของคน และสัตว์ ซึ่งสามารถแพร่ไปได้ง่ายกับน้ำ อาหาร และสิ่งแวดล้อม
อาหารที่มักพบเชื้อซาลโมเนลลาปนเปื้อนคือ อาหารที่ทำจากเนื้อไก่ เป็ด ไข่ นม ปลา และอาหารทะเล เมื่อเราทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อนี้เข้าไปจะทำให้เกิดโรคซาลโมเนลโลซิส โรคนี้จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง มีไข้ และอ่อนเพลีย
หากเกิดในผู้สูงอายุ จะมีอาการหนักกว่าคนในวัยอื่นที่ได้รับเชื้อชนิดนี้เข้าไปในร่างกาย อาการจะเกิดขึ้นหลังจากบริโภคอาหารที่มีเชื้อปนเปื้อนแล้วประมาณ 6-24 ชั่วโมง
ในอาหารปรุงสำเร็จและพร้อมทานนั้น ตามเกณฑ์คุณภาพทางจุลชีววิทยาของอาหารฯ ที่กำหนดโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กำหนดให้ต้องตรวจไม่พบเชื้อซาลโมเนลลาปนเปื้อนเลย ในอาหาร 25 กรัม
วันนี้สถาบันอาหารจึงได้สุ่มตัวอย่างขนมจีนราดน้ำยาและแกงเขียวหวานไก่ จากร้านอาหารและร้านค้าริมบาทวิถีจำนวน 5 ตัวอย่าง เพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์การปนเปื้อนของเชื้อก่อโรค ซาลโมเนลลา ผลปรากฏว่าทั้ง 5 ตัวอย่างไม่พบการปนเปื้อนเลย
แม้วันนี้จะไม่พบเชื้อปนเปื้อนในขนมจีน แต่ขอแนะว่าควรทานหลังจากอุ่นน้ำยา น้ำพริกให้ร้อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
* * * * * *
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐโดย : Sarapantip สาระพันทิป
ลิ้งค์ที่น่าสนใจ